โลกคือหมู่บ้านใหญ่ที่เราอยู่ร่วมกัน ไม่มีชาติใดจะอยู่อย่างไม่พึ่งชาติอื่นได้ ไม่มีใครไม่ต้องการความช่วยเหลือ การทำงานอาสาคือการที่คนเราทำงานให้ผู้อื่นโดยมิได้ถูกกระตุ้นว่าจะได้รับ สิ่งตอบแทนเป็นตัวเงินหรือสิ่งใดๆ การทำงานอาสาเป็นกิจกรรมที่เอาประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง ตั้งใจที่จะส่งเสริมสิ่งที่ดีๆ หรือปรับปรุงคุณภาพชีวิต บางคนอาจเป็นอาสาสมัครเพื่อให้ได้ทักษะโดยไม่ต้องมีการลงทุนของนายจ้างเพิ่มเติม การทำงานอาสาหรือการเป็นอาสาสมัครมีหลายรูป แบบและใครๆก็ทำได้ อาสาสมัครจำนวนมากได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษในงานที่ตนทำ เช่น ในด้านการแพทย์ การศึกษา หรือการกู้ภัยในยามฉุกเฉิน บางคนทำงานในที่ต่างๆหลายแห่ง เช่น คนที่ทำงานอาสาในยามที่เกิดภัยธรรมชาติ ในลักษณะนี้การทำงานอาสามีบทบาทสำคัญในการสร้างผลทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่ที่ความยากจนแพร่หลาย ชุมชนคนยากจนมักจะขาดเพื่อนและเพื่อนบ้านสามารถช่วยเหลือได้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยการสมัครใจอาสานี้ประกอบเป็นเครือข่ายนิรภัย ทางสังคม แบบอย่างนี้ใช้ได้ดีในรัฐที่มีความสมานฉันท์ของชาติในยามยากลำบาก โดยกลุ่มที่มีฐานะดีกว่ามักจะเสียสละเพื่อประโยชน์ของคนที่ต้องการความช่วย เหลือ
การทำงานอาสาด้านสิ่งแวดล้อมหมายถึงอาสาสมัครที่ช่วยเหลือทางด้านการจัดการ สภาพแวดล้อม อาสาสมัครทำกิจกรรมได้กว้างขวางหลากหลาย รวมทั้งการติดตามสภาพแวดล้อม การฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่น การปลูกพืชขึ้นมาใหม่ การกำจัดวัชพืช และการให้การศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ระบบโรงเรียนทั่วโลกพึ่งพาอาสาสมัครและการบริจาคเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล เมื่อใดที่เศรษฐกิจตกต่ำ ความต้องการอาสาสมัครและทรัพยากรก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างยิ่ง มีโอกาสมากมายในระบบโรงเรียนที่อาสาสมัครจะใช้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งถ้าคุณมีทักษะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะ ไม่มีข้อเรียกร้องมากนักในการที่จะเป็นอาสาสมัครในระบบโรงเรียน ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง ปู่ย่าตายาย หรือแค่เพียงสมาชิกคนหนึ่งของชุมชน โรงเรียนส่วนมากเพียงขอให้กรอกข้อความในแบบฟอร์มอาสาสมัครให้ครบถ้วน ส่วนผลประโยชน์ที่ได้รับก็เหมือนกับการทำงานอาสาแบบอื่นๆ นั่นคือรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับอาสาสมัคร เด็กนักเรียน และโรงเรียนดังนั้นประเทศส่วนใหญ่จึงพัฒนานโยบายและออกกฎหมายเพื่อทำความชัดเจนถึงบทบาท และความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียและจัดสรรการสนับสนุนทางกฎหมาย ทางสังคม ทางการบริหาร และทางการเงินให้ตามที่จำเป็น เรื่องนี้มีความจำเป็นเป็นพิเศษเมื่อการมองว่ากิจกรรมอาสาบางกิจกรรมเป็นการ ท้าทายอำนาจรัฐ เช่น เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2001 ประธานาธิบดีบุชแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเตือนว่ากลุ่มอาสาสมัครควรเสริม มิใช่แทนที่ งานที่หน่วยงานรัฐทำ งานอาสาสมัครที่ยังประโยชน์แก่รัฐแต่ท้าทายคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับค่าตอบ แทนสร้างความขุ่นเคืองใจให้สหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนคนที่ได้รับค่าตอบแทน เช่น ในกรณีอาสาสมัครดับเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการรวมคนทั้งสองกลุ่มไว้ในหน่วยเดียวกัน