ถึงเวลาที่เด็กไทยต้องว่ายน้ำเป็นและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

อุบัติเหตุในประเทศไทยที่มีอัตราการสังเวยชีวิตเด็กเป็นอันดับหนึ่งนั่นคือการจมน้ำ โดยในแต่ละปีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำถึงกว่า 1,500 คน หรือ เฉลี่ย 4 คนต่อวันจากกิจกรรมทางน้ำที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ข่าวการสูญเสียลูกน้อยวัย 6 เดือนในอ่างน้ำเป่าลม หรือ การพบศพเด็กวัยหัดเดินที่ขาดการทรงตัวขณะชะโงกหน้าไปในบ่อน้ำหรือโอ่งในสวน เนื่องมาจากการปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังสร้างความสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ประสบการณ์อันน่าสลดของผู้ปกครองบางคนที่สูญเสียลูกสาวซึ่งเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมเยาวชนของโรงเรียนเพราะเพียงแค่หันไปคุยโทรศัพท์เรื่องงาน ในขณะที่ลูกสาวเป็นตะคริวอย่างกะทันหันและจมดิ่งไปในสระโดยที่ไม่มีใครคาดคิด หรือแม้กระทั่งความพลาดพลั้งของนักเรียนมัธยมที่เกิดเหตุในบ่อ หนอง คลอง แม่น้ำ ในขณะเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์และถูกกระแสน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่ทำให้เราตระหนักว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมในพริบตาก็คือ ความประมาทในการมองข้ามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กนั่นเอง

นอกจากนี้การช่วยเหลือที่ไม่ถูกวิธีคืออีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กไทยสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ เนื่องจากขาดการฝึกหัดอบรมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประกอบกับความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่นการนำเด็กพาดบนบ่าแล้ววิ่งไปมา หรือ วางบนกระทะขนาดใหญ่เพื่อต้องการให้น้ำระบายออกมาทางปาก หากคุณคือคนหนึ่งที่พบเด็กอยู่ในสภาพที่เพิ่งจมน้ำ โปรดจงระลึกไว้ว่าโอกาสที่คุณสามารถช่วยให้เด็กรอดชีวิตนั้นมีเพียง 3นาทีก่อนที่เนื้อสมองจะเริ่มเสียไปจากการขาดออกซิเจนเพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง ดังนั้นการช่วยเหลือตามความเชื่อที่ว่านั้นจึงอาจเกิดผลเสียในการช่วยชีวิตเด็กที่จมน้ำ เพราะเป็นการทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และอาจทำให้สำลักน้ำลงสู่ปอดมากขึ้น วิธีการที่ถูกต้องจึงควรเริ่มจากการดึงเด็กขึ้นมาจากน้ำ หากเด็กไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้นให้ผายปอดและนวดหัวใจซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างต่อเนื่อง การช่วยเด็กที่กำลังจะจมน้ำ หากว่าคุณว่ายน้ำไม่แข็ง หรือ ไม่เป็นเลย คุณควรโยนขอนไม้หรือ วัสดุลอยน้ำ ให้เด็กเกาะไว้ แล้ว เรียกคนอื่นมาช่วยโดยเร็วที่สุด โดย ในระหว่างการนำส่งเด็กจมน้ำไปโรงพยาบาล หากเด็กหัวใจหยุดเต้นหรือเต้นช้า ผู้ปกครองหรือผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือควรช่วยกู้ชีพนวดหัวใจเด็กอย่างต่อเนื่องจนเด็กกลับมาหายใจและมีหัวใจเต้นเป็นปกติดี หลังการปฐมพยาบาลเบื้องต้นควรจัดให้เด็กนอนท่าตะแคงและให้ความอบอุ่นจนกว่าจะถึงมือแพทย์

แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีมาตรการให้ความรู้ด้านการกู้ภัยทางน้ำแก่บุคคลทั่วไปอย่างแพร่หลาย กระทรวงสาธารณสุขได้มีการกำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมของทุกปี เป็น “วันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกระแสให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลเด็ก และเด็ก ตระหนักในเรื่องดังกล่าวโดยมีกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้ทุกคนเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อป้องกันและช่วยเหลือเด็กได้อย่างถูกต้อง

การป้องกันนั้นมีความสำคัญมาก นอกจากการเรียนว่ายน้ำของเด็กจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรมอบให้ลูกเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรสละเวลาในการดูแลและใส่ใจในขณะที่ลูกต้องอยู่ใกล้น้ำ รวมถึงการกำจัดแหล่งน้ำในบ้านหรือสร้างรั้วรอบขอบชิดให้กับแหล่งน้ำรอบบ้าน ไม่ควรผลักภาระนี้ให้เป็นหน้าที่ของครู หรือ หน่วยกู้ภัยในการดูแลลูกของคุณ เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอาจทำให้คุณพลาดในการปกป้องชีวิตคนที่คุณรักที่สุดไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย